[fic yaoi]::: Related Love::: รักร่วม(ชายคา) - [fic yaoi]::: Related Love::: รักร่วม(ชายคา) นิยาย [fic yaoi]::: Related Love::: รักร่วม(ชายคา) : Dek-D.com - Writer

    [fic yaoi]::: Related Love::: รักร่วม(ชายคา)

    เรื่องราวผิดศีลธรรมเล็กๆ ของคนอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ที่นับวัน จินยิ่งพบว่า...อืมมม ทำไมมันสวยยังงี้ว่ะ และโทโมฮิสะพบว่า...ตัวเองรักผู้ชาย ทั้งที่ "ฉันก็เป็นผู้ชายนะเฟ้ยยย!!~"

    ผู้เข้าชมรวม

    1,335

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    1.33K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    7
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ค. 52 / 19:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    แนะนำตัวละคร



    อคานิชิ จิน
    พี่ชายขี้เล่น ที่แอบคิดไม่ซื่อ



    ยามาชิตะ โทโมฮิสะ
    น้องชาย ที่หลงรักพี่ชายแบบไม่รู้ตัว




    อิคุตะ โทมะ
    เพื่อนพี่ชาย ชอบโทโมฮิสะ แต่แอบเก็บงำอะไรไว้




    นิชิกิโด เรียว

    เพื่อนน้องชาย ปากร้าย แต่ใจอ่อน 






    หวัดดีค่า คนอ่าน...ที่นานๆ ผ่านมาที
    ตอนนี้คนแต่งคลั่ง Buzzer Beat อย่างมาก
    เห็นมะพีแล้วก็เริ่มจะให้เป็นเคะไม่ลง
    แต่ยังไงก็ชอบจินพีอ่า
    ก็เลยเอาวะ หลับหูหลับตาจิ้นมะพีวัยเด็ก
    เสร็จแล้วก็ได้เรื่องนี้ออกมา
    อ่านแล้วเป็นไง ก็บอกมั่งเน้อออ

    อ่อ...รูปเรียวที่หน้าหวานๆ นี่ หายากชะมัดเลย

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ติ๊ดดดด ....ติ๊ดดดดด.....ติ๊ดดดดดด

                      เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นซ้ำๆ ร่างบางขยับตัวพร้อมกับมุดหนีในผ้าห่ม แต่เสียงนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเงียบลง ร่างบางจึงควานมือไปบนหัวเตียงก่อนจะทุบแรงๆ บนต้นตอของเสียงดังน่ารำคาญ

                      “เช้าเร็วจังน๊า” 

                      ร่างบางในชุดนักเรียนม.ปลายถูกคลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อนกำลังหั่นผักและปรุงอาหารอย่างทะมัดทะแมง เป็นแบบนี้มากี่ปีแล้วนะ ห้าปี ... ไม่สิ หกปีแล้วต่างหาก ตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่แล้วย้ายไปอยู่กับแม่เลี้ยงที่โอซาก้า งานทุกอย่างถึงได้ตกเป็นของเขาคนเดียว...

                      “ทำไม ...ต้องเป็นฉันด้วยฟระ!!~

                      “ตื่นเช้าจังเลยนะพีจัง”   เสียงคุ้นหูทำให้โทโมฮิสะหันมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้คนถามเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก

                      “ก็ถ้าฉันไม่ตื่น แล้วนายจะมีข้าวกินมั้ยห๊ะ แล้วอีกอย่าง...เลิกเรียกฉันว่าพีจังซักที ฟังแล้วขนลุกเข้าใจมั้ยยย!!~   โทโมฮิสะว่าพลางชี้มือที่มีตะหลิวมายังพี่ชายที่ยืนเอามือปิดหูอยู่

                      “อยู่กันสองคนพูดเบาๆ ก็ได้ เดี๋ยวมิจจี้จังก็ตื่นหรอก”   จิน ผู้มีฐานะเป็นพี่ชายคนโตของบ้านพูดถึงน้องชายอีกคนที่ยังคงนอนหลับอยู่

                      “มาก็ดีแล้ว นายจัดโต๊ะเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปปลุกมิจจี้จังเอง....อ่อ...แล้วห้ามเลือกกินแต่เนื้อล่ะ เข้าใจมั้ย”

                      “คร้าบบบบ  .... นี่ฉันมีน้องหรือมีแม่อีกคนกันแน่วะเนี่ย” ประโยคหลังจินได้แต่พึมพำกับตัวเอง

                      โทโมฮิสะส่ายหน้าระอากับพฤติกรรมของพี่ชาย ไม่ว่าจะสักกี่ปี โทโมฮิสะก็ไม่ชินกับการมีพี่ชายสักที ตอนที่หมอนี่เข้ามาในชีวิต เขาคงคุ้นเคยกับการเป็นลูกคนเดียวไปแล้วกระมัง ถึงได้รู้สึกว่า...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปสักแค่ไหน ก็ทำใจให้รับหมอนี่เป็นพี่ชายไม่ได้อยู่ดี  ต่างกับเด็กน้อยวัยสี่ขวบ ที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม โทโมฮิสะแตะที่แก้มเด็กน้อย ก่อนจะกระซิบเรียกชื่อเบาๆ

                      “มิจจี้จัง มิจจี้จัง  ตื่นเถอะจ้ะ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”

                      เด็กน้อยลืมตาขึ้นสบตาโทโมฮิสะ ก่อนจะเอาแก้มเบียดมือของโทโมฮิสะอย่างอ้อนๆ

                      “อย่ามาอ้อนเลย ไม่ว่ายังไงก็ต้องตื่นนะ ไปอาบน้ำกันเถอะ”

                      จินที่กำลังกินข้าวอยู่ถึงกับหลุดยิ้ม เมื่อเห็นโทโมฮิสะจูงมิจิรุลงมาจากบันได

                      “ยิ้มอะไรไม่ทราบ”

                      “ปล๊าวววว  ข้าวอร่อยดี”   จินเฉไฉ พลางคีบเนื้อใส่ปาก

                      โทโมฮิสะตักข้าวให้มิจิรุ ก่อนจะหันไปคีบเนื้อใส่ชามให้ แต่...

                      “จิน  ฉันบอกนายแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้เลือกกินนนนนนน!!~

                      ชีวิตทุกวันแทบจะเริ่มแบบนี้...จินจะต้องกวนประสาทให้ได้ทุกวันสินะ 

       

       

       

       

                      “นี่ปั่นให้มันเร็วๆ หน่อยๆได้มั้ย เดี๋ยวก็ไปส่งมิจจี้จังไม่ทันกันพอดี”

                      “ก็ใครสั่งให้นายอ้วนกันล่ะ มันหนักรู้มั้ย”  จินว่าพลางเร่งความเร็ว

                      ป๊าบบบ.... ฝ่ามืออรหันต์ประทับลงกลางหลังแทนคำตอบ

                      “โอ๊ย! เจ็บนะ มิน่าล่ะหาแฟนไม่ได้ ผู้ชายไรวะ มือหนักชิบเป๋ง”

                      “จิน  นายจะมากไปแล้วนะ”

                      “โทโมะจัง จินคุง จักรยานมันสั่น ผมกลัว”

                      สงครามบนรถจักรยานจึงหยุดไปโดยปริยาย

       

                      ทันทีที่รถจักรยานของเคียวเฮจอดหน้าโรงเรียนอนุบาล โทโมฮิสะก็รีบพามิจิรุเข้าไปหาอาจารย์ที่รอรับอยู่แล้ว

                      “ฝากด้วยนะครับ”  โทโมฮิสะโน้มศีรษะลงอย่างอ่อนน้อม

                      “ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ แหม แต่โทโมะจังเนี่ย ดูเหมือนคุณแม่ยังสาวเลยนะคะ”  อาจารย์ว่า โทโมฮิสะยิ้มเก้อๆ จะว่าไปก็ชินซะแล้วล่ะ กับการทักแบบนี้ เพราะดูเผินๆ เขาเหมือนผู้หญิงตัวสูงคนหนึ่งเลยล่ะ 

                      “อ๋อ ไม่หรอกครับ พอดีคุณแม่ไม่อยู่ ก็เลยต้องดูแล”

                      “เฮ้!!~ พีจังลืมข้าวกล่องมิจจี้จังนะ เดี๋ยวก็หิวตายหรอก”   จินที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมาส่งกล่องข้าวให้

                      “อ๊ะ ตายแล้ว จริงด้วย เกือบไปแล้วนะ”

                      “จินคุงเอง ก็ดูเหมือนคุณพ่อเลยนะ”  อาจารย์ยังไม่วายล้อ  จินลูบศีรษะตัวเองอย่างเขินๆ

                      โทโมฮิสะแอบส่ายหน้าอย่างระอา

      ....มีลูกแบบมิจิรุก็น่ารักอยู่หรอก ...แต่จะให้สร้างครอบครัวกับหมอนี่...เฮ้ออ!!!~

       เฮ้ย! เดี่ยวสิ ...ฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ยย!!~

       หลังจากโบกมือลามิจิรุแล้วทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปโรงเรียนของตัวเอง โดยมีจินเป็นโชเฟอร์ตีนผีเหมือนเดิม

                     

       

                      ณ โรงเรียนมัธยมปลาย

                      หลังจากจอดรถจักรยานไว้หลังโรงเรียนแล้ว ทั้งคู่ก็เดินมาตามทางเท้าที่เดินอยู่ทุกวัน  โทโมฮิสะเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี โดยมีจินเดินตามมาไม่ห่าง

                      “ทียังงี้ไม่เห็นรีบเลย แล้วเมื่อกี้เร่งฉันทำไมห๊ะ”

                      “ฉันไม่อยากให้มันสาย เดี๋ยวมิจจี้จังจะร้อนนะ”   โทโมฮิสะตอบหน้าตาเฉย

                      “ข้ออ้างชัดๆ”

                      “รุ่นพี่อคานิชิ ฉันขอเวลาหน่อยได้มั้ยคะ”   บทสนทนาถูกขัดจังหวะขึ้นจากหญิงสาวหน้าตาน่ารัก จินพยักเพยิดให้โทโมฮิสะล่วงหน้าไปก่อน  ก่อนจะสวมบทรุ่นพี่สุดเท่ห์นิสัยดีสานต่อบทสนทนากับหญิงสาวคนนั้น

      ....ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ ว่าจินป๊อบปูล่าร์ในหมู่สาวๆ ที่โรงเรียน....

      แต่...

      /ไอ้ตัวตนสุดเท่ห์ที่อยู่โรงเรียนเนี่ย.... มันแค่ภาพลวงตาเท่านั้นแหละ สาวๆ ทั้งหลาย

      ....มันก็แค่ไอ้ซกมกที่ขี้เกียจสันหลังยาวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ....เมื่อไหร่จะตาสว่างกันซักที/

      นั่นเป็นสิ่งที่โทโมฮิสะอยากตะโกนออกไปให้ก้องโรงเรียน....

      “โทโมะจัง ไม่สบายรึเปล่า ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะ”

      “อรุณสวัสดิ์ครับรุ่นพี่อิคุตะ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่...”

      “แค่...”

      “แค่เดินมาเหนื่อยนิดหน่อย”  

      “วันนี้ปั่นจักรยานมาเองหรอ  จินล่ะ”

      “เจ้าหมอนั่น..เอ่อ..จิน ถูกสาวๆ รุมอยู่หลังโรงเรียนน่ะฮะ ข้าวกล่องก็ไม่ยอมเอาไป น่าจะให้อดข้าวซะให้เข็ด”

      “โทโมะจังพูดเหมือนไม่พอใจเลยนะ หวงพี่ชายรึไง”

      “เปล่าซะหน่อย คนพรรค์นั้นน่ะ ซกมกจะตาย ปากเสียด้วย...”     

      “ฝากฉันไปก็ได้นะ ข้าวกล่องน่ะ ....”

      “อืมม  รบกวนด้วยนะครับ”

      “ฉัน...ก็อยากกินข้าวกล่องฝีมือโทโมะจังนะ”  โทมะยิ้มหวานก่อนจะเดินจากไป

      “....”  โทโมฮิสะถึงกับขนลุกกับรอยยิ้มที่อิคุตะ โทมะ เพื่อนสนิทของจินส่งมาให้

      ......รุ่นพี่ครับ...ผมเป็นผู้ชายนะครับ....

      โป๊กกก...

      เสียงของแข็งกระแทกหัวโทโมฮิสะจนผมนุ่มกระจายไปตามแรง โทโมฮิสะเงยหน้ามองอย่างเคืองๆ โทโมฮิสะเอามือคลำหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนจะฟาดมือกลับ แต่ถูกพี่ชายคว้าไว้ได้ก่อน

      “จะทำร้ายร่างกายฉันอีกแล้วหรอ ใจร้ายจังนะ พีจัง”

      “ก็นายตีหัวฉันก่อนทำไมล่ะ”

      “ฉันแค่ปลุกนายให้ตื่นจากฝัน...ฝันกลางวันน่ะ”  พูดจบจินก็เดินหัวเราะจากไป

      “ไอ้บ้าเอ๊ยยย!!~ รู้งี้น่าจะให้อดข้าวกลางวันซะให้เข็ด  นิสัยแย่ๆ แบบนี้เป็นเพื่อนสนิทกับรุ่นพี่อิคุตะได้ยังไงกันนะ เหลือเชื่อจริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้ฝันกลางวันเว้ยยย ไอ้หมูบ้า”  

       

                     

                      คาบเรียนครึ่งวันเช้าจบลงพร้อมกับเสียงคุยกันดังลั่น ราวกับว่าเก็บกดไว้นานแสนนาน

                      “นี่โทโมะจัง เมื่อเช้าเห็นยืนคุยกับรุ่นพี่อิคุตะด้วยนี่นา เป็นผู้ชายเหมือนกันนี่ดีจังเลยนะ ใกล้ชิดหนิดหนม” ยูกิเพื่อนสนิทเริ่มคุย

                      “เหอะ เหอะ ยูกิอยากคุยก็เข้าไปคุยสิ รุ่นพี่น่ะ มนุษย์สัมพันธ์ดีจะตาย ใครคุยก็คุยด้วยทั้งนั้นแหละ แล้วก็ไม่ขี้เก๊กด้วย ”

                      “ฟังดูชื่นชมรุ่นพี่อิคุตะจังเลยนะนายน่ะ”  เรียวเพื่อนสนิทซี้ปึกอีกคนพูดขึ้น

                      “ก็จะไม่ให้ชื่นชมได้ยังไงล่ะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่ารุ่นพี่เป็นคนช่วยชีวิตโทโมะจังเชียวนะ ถ้าเป็นผู้หญิงกับผู้ชายป่านนี้คง เรียบร้อยไปแล้วล่ะ”  ยูกิว่าพลางทำท่าทางเพ้อฝัน

                      “ก็แค่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณใช่มั้ยล่ะ”  เรียวถามต่อ

                      “อืม... ไม่รู้เหมือนกันแฮะ”  

                      “ฉันเองก็อยากแกล้งจมน้ำแล้วให้รุ่นพี่อคานิชิช่วยชีวิตเหมือนกันนะ” ยูกิยังคงเพ้อฝันต่อไป

                      “ห๋า!!~ จินเนี่ยนะ”  โทโมฮิสะทำหน้าตกใจ

                      “หาอะไร นายน่ะไม่รู้อะไร พี่ชายนายน่ะ ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ เล่นกีฬาก็เก่งไม่แพ้รุ่นพี่อิคุตะเลย วาเลนไทน์นี้นายเตรียมถุงใบใหญ่ๆ มาใส่ช็อกโกแลตของพี่ชายนายได้เลย ...แน่นอน มีของฉันอันหนึ่งล่ะ”  ยูกิพูดอย่างอารมณ์ดี

                      ... ทำไมต้องเป็นหมอนี่อีกแล้ว ...

                      “นายก็เตรียมมาใส่ส่วนของนายด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจหอบ”  เรียวพูดกับโทโมฮิสะ เพราะเพื่อนหน้าหวานของเขาก็ ป๊อบปูล่าร์ไม่แพ้อคานิชิ เพียงแค่...ป๊อบในหมู่นักเรียนชายเท่านั้นเอง -*-

                     

       

                      “จิน ข้าวกล่องนาย โทโมะจังฝากมาน่ะ”   โทมะยื่นข้าวกล่องให้จิน

                      “อืม ขอบใจนะ จริงๆ ถ้าลืม ฉันกะจะไปกินข้างล่างอยู่แล้วล่ะ”

                      “ทำไมล่ะ มันน่าอร่อยออกนะ” โทมะมองข้าวกล่องที่ประดับประดาไว้อย่างน่ากิน...

                      “เหอะ อร่อยตายล่ะ กินทุกวันมันก็เบื่อนะ ยิ่งตอนเข้าปาก ยิ่งเหมือนเสียงบ่นของเจ้านั่นตามลงไปถึงกระเพาะเลย...อย่าเลือกกินแต่เนื้อสิ....หลอนแบบนั้นเลย”  จินว่าพลางคีบเนื้อใส่ปาก

                      “โทโมะจังน่ารักดีออก ดูนี่สิมีรูปกระต่ายด้วย”  โทมะว่าพลางชี้ไปยังลูกชิ้นรูปกระต่างสีชมพูในกล่องข้าวของจิน

                      “เห๋!!~ อันนี้มันต้องเหลือมาจากกล่องของมิจจี้จังแน่ๆ น่าอายชะมัด”

                      โทมะยิ้มก่อนจะเดินกลับไปหยิบข้าวกล่องของตนมาร่วมวงด้วย

                      “อยากมีแฟนน่ารักจริงๆ แบบนี้บ้างจัง  นายอยู่กับโทโมะจังทุกวันน่าอิจฉาจังเลยนะ”

                      “เหอะ ถ้าลองได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพีจัง อาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้”  จินแกล้งทำเป็นไม่สนใจประโยคแรกของโทมะ ทั้งที่มันทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ

                      “พีจัง?...นายเรียกโทโมะจังว่าอย่างนั้นหรอ”

                      “อืม เจ้านั่นอ่ะ เวลาร้อนหรือเวลาเขิน ตัวจะเป็นสีชมพู พิงกุ พิงกุเลยล่ะ”

                      “อ่อ... น่าอิจฉานะ ได้อยู่ด้วยกันตลอดเลย”

                      “.....”

                     

       

                      โทโมฮิสะนั่งแกว่งเท้าเล่นไปมาระหว่างที่รอจินที่โรงรถหลังโรงเรียน พลางชะเง้อมองสลับกับดูนาฬิกาแบบนี้มากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

                      “หายไปไหนของเค้านะ”

                      “มาแล้ว”

                      จินว่าพลางส่งของชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้โทโมฮิสะช่วยถือ

                      “อีกแล้วหรอ วันนี้เยอะนะเนี่ย”

                      “อืม พอดีวันนี้เล่นบาสชนะน่ะ”   จินว่าพลางขยับรถจักรยาน

                      “ดีนะ จะได้ไม่ต้องซื้อขนมให้มิจจี้จัง แต่ว่ากินแต่ของหวานๆ แบบนี้จะดีจริงๆรึเปล่านะ”  โทโมฮิสะว่าพลางจัดกล่องขนมหวาน รวมถึงดอกไม้ที่พี่ชายได้รับใส่กระเป๋า

                      “งั้น เราไปซื้ออย่างอื่นให้มิจจี้จังกันเถอะ” 

                      “มีเงินหรอนายน่ะ”

                      “มีก็แล้วกันน่า”

                      แล้วจักรยานคันเดิมก็ถูกปั่นไปด้วยความเร็วของโชเฟอร์ตีนผี โดยที่มีโทโมฮิสะซ้อนไปเหมือนเคย

                      ......................................................................

                      จินค่อยๆ แทรกตัวนำจักรยานไปจอดแทรกไว้ระหว่างรถยนต์สองคันที่หน้าซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่ง แล้วจึงเดินมาสมทบกับโทโมฮิสะที่ยังไม่ยอมเข้าไปเสียที

                      “มาที่แพงๆ แบบนี้จะดีหรอ เดือนนี้แม่กับพ่อยังไม่ส่งเงินมาให้เลยนะ”  โทโมฮิสะหันมาถามความเห็น

                      “ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้มาบ่อยสักหน่อย แล้วถ้าเงินไม่พอจริงๆ ฉันว่าจะหางานพิเศษทำล่ะ”  จินพูดแล้วเดินนำหน้าเข้าไปข้างใน

                      “เฮ้ย!~ จะทำงานพิเศษได้ยังไง จะเข้ามหาลัยก็ต้องอ่านหนังสือสิ”  โทโมฮิสะวิ่งตามเข้าไปคุยต่อ จินหยุดและหันมาพอดี โทโมฮิสะจึงชนเข้ากับจินเข้าอย่างจัง

                      “คิดว่าฉันหัวไม่ดีขนาดนั้นเลยหรอ ฉันไม่ใช่นายนะ”  จินว่าพลางขยี้ผมโทโมฮิสะ โทโมฮิสะปัดมือออกแบบไม่จริงจังนัก

                      “เออ จะคอยดู เข้ามหาลัยไม่ได้ ฉันจะให้นายอยู่บ้านเลี้ยงมิจจี้จังเลย คอยดู”

                      เมื่อเห็นว่าจินไม่หันมาต่อปากต่อคำ โทโมฮิสะจึงหันไปสนใจกับผลไม้สดๆ ที่อยู่ในตู้แช่ รวมถึงผักสดที่จะใช้ทำกับข้าวแทน

                      “นี่ จิน”

                      “หืม?”

                      “เราทำหม้อไฟกินกันดีมั้ย”

                     

       

                      เสียงหัวเราะของมิจิรุดังออกมาจากโต๊ะอาหาร โดยมีจินแสดงท่าทางราวกับอัศวินที่ใช้แครอทเป็นอาวุธ ก่อนจะหยิบสัตว์ประหลาดต่างๆ ใส่หม้อต้มไป โทโมฮิสะยกน้ำผลไม้มาสมทบ

                      “สนุกใหญ่เลยนะ มิจจี้จัง”  โทโมฮิสะกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

                      “เมี่อกี้จินคุงเพิ่งจับสัตว์ประหลาดหมูใส่ลงไปฮะ”  มิจิรุว่าพลางชี้ไปในหม้อ

                      “หรอ”

                      “ฮะ แล้วก็มีสัตว์ประหลาดกุ้ง กับสัตว์ประหลาดหมึกด้วย”

                      “เดี๋ยวเราจะช่วยกันสำเร็จโทษมันเนอะ มิจจี้จัง”

                      “สำเร็จโทษ..คืออะไรหรอฮะ จินคุง”  มิจิรุทำหน้าสงสัย

                      “ใครใช้ให้พูดคำศัพท์ยากแบบนั้นให้เด็กฟังกันห๊ะ นายฉลาดจริงๆ รึเปล่าเนี่ย”  โทโมฮิสะว่าพลางใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่ชายโครงจิน

                      “เอ่อ...สำเร็จโทษ ก็คือ ลงโทษ ที่บรรดาเนื้อสัตว์เข้าไปอยู่ในแก้มพีจัง แล้วทำให้พีจังแก้มป่อง เราเลยต้องกินมันแทนไงล่ะ 555

                      “จิน!

                      “ชู่ววส์ ... อย่ารุนแรงนะ เดี๋ยวมิจจี้จังทำตาม”  จินอ้าง ทำให้โทโมฮิสะต้องยอม

                      “แม่กับพ่อจะได้กินของสนุกๆ แบบนี้มั้ยฮะ”  มิจิรุถามขึ้น ความเงียบเข้าปกคลุมโต๊ะอาหาร จินกับโทโมฮิสะมองหน้ากันไปมา

      .               ..เกือบครึ่งปีแล้วสินะ ที่แม่กับพ่อไม่ได้กลับมาที่โตเกียวเลย...มิจิรุไม่ได้กอดแม่มาครึ่งปีแล้วสินะ

                      “กินสิ แม่น่ะ ชอบกินหม้อไฟมากเลยนะ ตอนที่ท้องมิจจี้จังน่ะ แม่กินแทบทุกวันเลยล่ะ” โทโมฮิสะว่า

                      “ทำไมหรอมิจจี้จังคิดถึงแม่งั้นหรอ”  จินถาม

                      “ไม่รู้สิฮะ ผมแค่รู้สึกว่า...จินคุงกับโทโมะจังเหมือนเป็นพ่อกับแม่เลย”

                      “ห๋า!!~

                      “ถ้าวันหนึ่งโทโมะจังกับจินคุงมีลูก จะรักผมหมือนเดิมมั้ยฮะ”

                      “เอ่อ...”  โทโมฮิสะอึ้ง....นี่เป็นคำถามของเด็กสี่ขวบจริงๆ หรอเนี่ย

                      “รักสิ มิจจี้จังก็เหมือนลูกของเรา ถึงพี่จะมีลูกสักกี่คน พี่ก็รักมิจจี้จังเหมือนเดิมล่ะ จริงมั้ยพีจัง”   จินว่าเอื้อมมือไปจับแก้มมิจิรุที่อยู่ข้างๆ  มิจิรุยิ้มจนตาปิด จินจึงตักเนื้อและผักให้มิจิรุสำเร็จโทษต่อไป

                      โทโมฮิสะได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้มิจิรุที่เหมือนจะพูดออกมาโดยที่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่ที่น่าเจ็บใจคือไอ้ตัวพี่ ที่นั่งทำหน้าแป้นแล้นอยู่ตรงนี้ต่างหาก

                      มื้ออาหารจบลงแล้ว มิจิรุขึ้นไปอาบน้ำและเข้านอนแล้ว โทโมฮิสะล้างจานลำพังอยู่ในครัว เสียงเปิดตู้เย็นทำให้ร่างบางหันมามอง

                      “เมื่อกี้หมายความว่ายังไงกันน่ะ”  โทโมฮิสะถามตาเขียว

                      “อะไร” จินถามพลางกระดกนมเข้าปาก

                      “ก็เรื่องที่มิจจี้จังถาม”

                      “อ้อ ก็เรื่องลูกของเราไง ไม่ว่าจะมีกี่คน ก็ยังจะรักมิจจี้จังไม่เปลี่ยนไป มันไม่จริงรึไง”

                      “เรื่องรักมิจจี้จังไม่เปลี่ยนแปลงน่ะ มันก็จริงอยู่หรอก ... แต่ผู้ชายกับผู้ชายมันมีลูกด้วยกันได้ที่ไหนกันเล่า”

                      “มิจจี้จังยังเด็กเกินกว่าที่อธิบายเรื่องแบบนี้นะ เพราะงั้น ปล่อยให้เข้าใจไปแบบนี้ก็ไม่เห็นเสียหาย”

                      “เหอะ ไหลไปได้เรื่อยๆ จริงๆ”

                      จินวางแก้วเปล่าไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันมาช่วยโทโมฮิสะล้างจาน

                      “ผีเข้ารึเปล่าเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยช่วย”

                      “พีจัง”

                      “หืม?”

                      “นาย...ว่าโทมะเป็นยังไงบ้าง”

                      “อะไร อยู่ๆ ก็...”

                      “นายพูดอยู่บ่อยๆ ว่าหมอนั่นเป็นคนดีไม่ใช่หรอ...”

                      “อืมม มันก็จริงอยู่หรอก แต่ไอ้ถามว่าเป็นยังไงบ้างนี่ ตอบยากจังแฮะ”

                      “นายชอบโทมะรึเปล่า”

                      “ห๋า!!~ จะบ้าหรอ ฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ย เดี๋ยวเหนี่ยวเลย”

                      “เออ นั่นสิเนอะ ลืมไปเลย แหะ แหะ”  จินยิ้มเก้อๆ

                      “อยากให้ฉันรักนายบ้างมั้ยล่ะ”  โทโมฮิสะถามโดยที่ไม่ได้ละสายตาจากอ่างล้างจาน

                      “....”  แต่กลายเป็นคำถามที่ทำให้จินถึงกับอึ้ง

                      “ช่วยเก็บห้อง แล้วก็ไม่ทิ้งเสื้อผ้าใช้แล้ว ให้มันเกลื่อนกลาดตามพื้น แค่นั้นฉันก็รักนายขึ้นอีกมากโขเลยล่ะ”

                      “โหยยย นายเนี่ยนะ”  จินขยี้ผมโทโมฮิสะทั้งที่ยังมีฟองน้ำยาล้างจานติดมือ ...สงครามก่อนนอนจึงเริ่มต้นอีกระลอก             

                      “เบื่อแล้วอ่ะ ช่วยแค่นี้ละกันนะ ต้องรีบนอน เดี๋ยวไม่หล่อ ไปล่ะ โอยาสุมิ”

                      _ _” ไอ้บ้าเอ๊ยยย”

       

       

      ...............................................................................

                      “นี่ โทโมะจัง ไปเป็นเพื่อนที่สนามบาสหน่อยสิ”  ยูกิสะกิดชวนโทโมฮิสะ

                      “ไปทำอะไร”

                      “ไปดูผู้ชายหล่อๆ เล่นบาสน่ะสิ รุ่นพี่ซึกาสะน่ารักชะมัด”

                      “เอ๊ะ! เมื่อวันก่อนยังชมอคานิชิอยู่เลย” เรียวขัดคอ

                      “ก็น่ารักทุกคนนั่นล่ะ นะ ไปกันเถอะ” ยูกิว่าพลางกึ่งลากกึ่งจูงเพื่อนสนิทสองคนไปสนามบาส

                      แล้วสองหนุ่มกับหนึ่งสาวก็เดินมาถึงสนามบาส ซึ่งมีสาวๆ อยู่ข้างสนามเต็มไปหมด โทโมฮิสะเห็นแล้วยังแอบอึ้งนิดๆ เขาไม่เคยย่างกรายมาแถวนี้เลย จึงทำตัวไม่ค่อยถูก

                      เสียงกรี๊ดดังเป็นระยะทุกครั้งที่มีการรับส่งลูก แทบจะเรียกได้ว่าเช็คเรตติ้งได้จากความดังของเสียงกรี๊ดเลยทีเดียว ไม่ได้คิดเข้าข้างพี่ชายของตัว แต่ทุกครั้งที่จินทำแต้มได้ เสียงกรี๊ดดังซะสนามแทบแตก ...นี่หมอนี่ป๊อบขนาดนี้เลยหรอ

                      “นี่นายน่ะ เป็นน้องของอคานิชิใช่มั้ย”   เสียงเรียกทำให้โทโมฮิสะหันไปมอง ก่อนจะพยักหยักหน้ารับงงงง

                      “ครับ”  ตอบรับด้วยเสียงน้อบน้อม เพราะอย่างน้อยคนถามก็เป็นรุ่นพี่ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะอยู่ห้องเดียวกับจินด้วย

                      “อคานิชิคุงเค้ามีแฟนอยู่แล้วหรอ”

                      “ห๊ะ ก็ไม่นี่ครับ”

                      “ยังงั้นหรอ ทำไมถึงได้บอกว่า มีคนที่ชอบอยู่แล้วกันล่ะ”   รุ่นพี่สาวเหมือนพึมพำกับตัวเอง โทโมฮิสะจึงได้โอกาสพินิจคนตรงหน้าอย่างจริงจัง จะว่าไปผู้หญิงคนนี้ก็ตรงตามสเปคที่เจ้าหมอนั้นพูดไว้ทุกอย่าง

                      ฉันน่ะ ชอบผู้หญิงขาว สูง หุ่นดี สวย แล้วก็ไม่ปากดี ขี้บ่นเหมือนนาย เท่านั้นแหละ.... นึกแล้วมันน่าโมโห ใครอยากเป็นเหมือนผู้หญิงในสเปคนายกัน

                      “เสียหน้าชะมัด ฉันรู้จักกับหมอนั่นมาตั้งแต่ม.ต้นแล้วล่ะ พยายามขนาดนี้แล้วไม่รักก็คือไม่รักล่ะนะ”

                      “ถอดใจง่ายจังนะครับ ถ้ารักก็ต้องพยายามสิครับ”

                      “นายจะช่วยฉัน...ได้มั้ยล่ะ”

      ............................................................................................

       

                      “เป็นอะไรไป แบตเตอรี่หมดรึไง ไม่พูดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”  จินกระเซ้า

                      “เปล่า แค่กำลังใช้ความคิด”

                      “คิดอะไร”

                      “จิน ทำไมถึงยังไม่มีแฟนสักทีล่ะ มีคนที่ชอบอยู่แล้วรึเปล่า”

                      เอี๊ยดดดด........ พลั่ก

                      “เจ้าบ้า เบรกทำไมเนี่ย เจ็บนะรู้มั้ย”  โทโมฮิสะว่าพลางคลำหน้าผากตัวเองที่กระแทกเข้ากับแผ่นหลังแกร่ง จินจอดจักรยานก่อนหันมามองหน้าคนถาม

                      “ทำไม ฉันเป็นภาระนายมากรึไง ถึงได้ผลักไสให้มีแฟนน่ะ”

                      “ไม่ได้ผลักไส ก็ไม่เห็นคบใคร เพื่อนผู้หญิงก็ไม่เคยพามาบ้านเลย  เป็นโฮโมรึเปล่า”

                      “...ก็อาจจะใช่นะ”  ไม่พูดเปล่า จินดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้

                      แปะ..... เสียงฝ่ามือครบห้านิ้วประทับลงบนข้างแก้ม

                      “ล้อเล่นนิดเดียว ทำไมต้องตบจริงด้วยล่ะ”  จินว่าพลางทำท่าเจ็บปวดเกินจริง

                      “จิน เวลาจริงจังก็ช่วยจริงจังหน่อยได้มั้ย พึ่งพาไม่ได้เลยนะ”

                      “แล้วใครที่พึ่งพาได้ล่ะ โทมะหรอ”

                      “อะไร”

                      “เปล่า...ถ้าอยากให้ฉันมีแฟนนักล่ะก้อ อาทิตย์หน้าฉันจะเลือกจากใครสักคนที่ให้ช็อกโกแลตกล่องใหญ่ๆ ก็แล้วกันนะ”  ว่าแล้วจินก็นั่งบนจักรยานพร้อมจะปั่น

                      “เห็นแก่กินจริงๆ”  ปากพูดออกไปทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย โทโมฮิสะเอ๋ยยยย.... 

                                     

                      แล้ววันวาเลนไทน์ก็มาถึง....

                      บรรยากาศคึกคักเป็นพิเศษ กลิ่นกุหลาบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณโรงเรียน เหมือนผู้บริหารโรงเรียนจะเข้าใจความรู้สึกของนักเรียนรวมถึงให้ความสำคัญกับเทศกาลจึงได้มีการจัดตกแต่งประดับประดาบริเวณที่นั่งพักผ่อนด้วยดอกกุหลาบ

                      “อคานิชิคุง แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์นะ”   จินเงยหน้าจากก๊อกน้ำ ก่อนจะยืดตัวจนเต็มความสูง

                      “เคโกะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจมาตลอดนะ”

                      “ขอโทษทำไมล่ะ ต้องขอบใจสิถึงจะถูก ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้คนที่มีตัวตนคลุมเครืออยู่ในหัวใจนายหรอกนะ เพราะงั้น ... เตรียมใจไว้ด้วยล่ะ”

                      จินมองช็อกโกแลตกล่องโตในมือ ก่อนจะหันกลับไปมองตัวเองในกระจก

                      “เคโกะ รู้มากกว่าที่เรารู้อีกสินะ”   หรือว่าจริงๆ แล้วเขาเองก็รู้ แต่แค่ไม่อยากจะยอมรับ

       

      ..................................................................................

      “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไปรอที่รถตั้งนานไม่เห็นไป”  จินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โทโมฮิสะ

      “หนีจุนโนะสุเกะอ่ะ  แล้วนายไม่เล่นบาสหรอ” จินมองหน้าหวานๆ ของน้องชายยิ้มๆ ก็นะ...จุนโนะสุเกะที่พูดถึงก็คือเด็กผู้ชายที่ตามตื้อโทโมฮิสะมาตั้งแต่ม.ต้น ถึงตอนนี้ก็ยังตื้ออยู่...สุดยอดแห่งความอึดจริงๆ

      “ไม่อ่ะ ลืมเอารองเท้าผ้าใบมา ไม่อยากเล่นเท้าเปล่า”

      “ดีแล้วล่ะ สกปรกออก เจ็บด้วย แล้วแผลเป็นน่าเกลียดนั่นไปโดนอะไรมาล่ะ”  จินรีบดึงขากางเกงปิดแผลเป็นที่คล้ายของมีคมครูดเป็นทางยาว ก่อนจะรีบกลบเกลื่อน

      “โดนรั้วเหล็กครูดตอนหนีเรียนล่ะ”

      “เหอะ สมน้ำหน้า” โทโมฮิสะเบ้หน้า

      “กลับบ้านกันเถอะ ป่ะ”  จินว่าพลางส่งมือให้โทโมฮิสะจับลุกขึ้นยืน แล้วทั้งคู่ก็พากันกลับบ้าน

       

      ....................................................

       

      หลังจากกินอาหารเย็นและส่งมิจิรุเข้านอนเรียบร้อยแล้ว โทโมฮิสะก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ จินก่อนจะหยิบถุงพลาสติกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยช๊อกโกแล็ตขนาดต่างๆ ขึ้นมาดู

      “ปีนี้เรตติ้งตกรึเปล่าเนี่ย ได้น้อยกว่าปีที่แล้วนะ”  โทโมฮิสะว่า

      “ปฏิเสธได้ ก็ปฏิเสธน่ะ”  จินพูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าคนถามที่มีเครื่องหมายคำถามอยู่บนใบหน้า

      “ทำไมล่ะ”

      “ก็ไม่อยากให้ความหวังไง”

      “ทั้งที่บอกว่าจะเลือกจากหนึ่งในนั้น ใจร้ายจริงๆ เลย แล้วเลือกได้แล้วหรอ”

      “... “

      “ใครล่ะ”

      จินควานมือในถุงพลาสติกใบนั้นแล้วก็คว้าข้อมือของโทโมฮิสะขึ้นมา  โดยไม่ได้ปรายตามองแม้แต่น้อย

      “เอาคนนี้แหละ”

      “ทำเป็นเล่นทุกทีเลยนะนายน่ะ”  โทโมฮิสะว่าพลางสะบัดมือออกจากมือใหญ่

      “ใครว่า ฉันจริงจังนะ”  แล้วจินก็จัดการรวบมือน้อยนั้นไว้ ก่อนจะผลักร่างบางให้นอนลงกับโซฟา  โทโมฮิสะตกใจกับการกระทำที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีแรงที่จะต้านทานร่างสูง จินเลื่อนหน้ามาใกล้ ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ปลายจมูก โทโมฮิสะหลับตาเพื่อหนีสายตาหวานซึ้งที่ส่งมานั้น ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มที่แตะแผ่วเบาอยู่ที่ริมฝีปาก

                      “ทำไมไม่ขัดขืนล่ะ นายทำแบบนี้ ยิ่งทำให้ฉันได้ใจนะ”  จินพึมพำอยู่กับริมฝีปากอ่อนนุ่มของร่างบาง

                      “ฉัน....”  จังหวะที่ร่างบางอ้าปากจะตอบคำถามนั้น จินจึงถือโอกาสแทรกลิ้นเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากอุ่นชื้นของโทโมฮิสะ จูบนั้นดูดดื่มและเนิ่นนาน  สมองโทโมฮิสะขาวโพลนไปหมดจนไม่ทันคิดว่าจะขัดขืนอย่างไร จนกระทั่งรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออกนั่นเอง จึงได้ดิ้นรน จินถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากหน้าแดงๆ ของคนใต้ร่าง อารมณ์ที่ก่อขึ้นยากเกินจะหยุดยั้ง จินไล่มือไปเรื่อยๆ ริมฝีปากบางที่เขาเพิ่งได้ชิมความหวาน ซอกคอขาวละเอียดน่าสัมผัส แผ่นอกขาวเนียน มือใหญ่ปลดกระดุมเม็ดบนออกอย่างชำนาญ และกำลังจะปลดเม็ดต่อมา

                      “จิน อย่า!  โทโมฮิสะรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดผลักร่างสูงออกไป ก่อนจะหอบหายใจถี่

                      “.....”

                      “.....”

                      “ข..ขอโทษที่ทำสิ่งที่น่ารังเกียจ”  พูดได้แค่นั้นแล้วจินก็หายเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้โทโมฮิสะสับสนกับความคิดของตัวเอง

                      ....ไม่ได้รังเกียจสักหน่อย...แค่กลัวว่ามันจะไปไกลเกินกว่าที่จะควบคุมได้...เท่านั้นเอง

       

      ...................................................................

      “เป็นอะไรเนี่ย เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่เช้าแล้ว เลคเชอร์ก็ไม่จด แล้วฉันจะลอกใครเนี่ย”  เรียวเคาะหัวโทโมฮิสะด้วยสมุดเล่มบาง

      “มันไม่มีสมาธิเลยนี่นา”

      “ทำไม โดนจินปล้ำหรอ”

      o_O

      ยูกิที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมามองด้วยความสนใจ

      “อะไรอ่า อย่างนี้นี่เอง มีน้องชายหน้าสวยอยู่ด้วยทุกคืนทุกวัน ถึงได้ไม่สนใจผู้หญิงคนอื่น ใจร้ายจังเลยนะ รุ่นพี่อคานิชิ TT___TT

      “ยูกิ ...มันไม่ใช่...”

      “คุยเรื่องอะไรกันหรอครับ”  เสียงแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาจบลง

      “รุ่นพี่อิคุตะ”  โทโมฮิสะมองอย่างอึ้งๆ

      “รุ่นพี่มาทำอะไรที่นี่ครับ นี่ไม่ใช่เวลาว่างที่เด็กปีสามจะไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจนี่ครับ”  เรียวถามอย่างหาเรื่อง

      “ฉันมาหาโทโมฮิสะ”

      “ผมหรอ”  โทโมฮิสะชี้มาที่ตัวเองอย่างงงง

      “อืม อคานิชิเป็นลมอยู่ในห้องพยาบาล เห็นว่าเมื่อคืนนอนไม่พอหรือยังไงเนี่ยแหละ”

      “ห๊ะ”  พูดได้แค่นั้นโทโมฮิสะก็รีบวิ่งออกจากห้องตรงไปยังห้องพยาบาล

      “หวงเพื่อนจังนะ นิชิกิโดคุง แต่ก็คงทำได้แค่นั้นล่ะนะ”  โทมะยิ้มหยัน

      “คงทำได้มากกว่านั้นอยู่ล่ะครับ อย่างน้อยผมก็ว่ายน้ำแข็งกว่ารุ่นพี่”  เรียวพูดต่อ โทโมะหน้าถอดสีก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามโทโมฮิสะไป ยูกิได้แต่ยืนงงมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจประเด็น

       

      ...............................................................................

      ปังงงง....

      เสียงเปิดประตูทำให้จินสะดุ้งตื่น ก่อนจะรีบหยิกแก้มตัวเอง เมื่อเห็นหน้าคนที่วิ่งผ่านประตูเข้ามา พร้อมกับหอบหายใจถี่

      “จิน นายเป็นอะไรรึเปล่า”  โทโมฮิสะถามพร้อมกับใช้มือแตะหน้าผากจิน

      ^________________^”  จินไม่ตอบอะไร หากแต่ดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด เลยกลายเป็นว่า ตอนนี้โทโมฮิสะนั่งอยู่บนตักจิน

      “อ๊ะ ไอ้หมูบ้า ปล่อยนะเว้ยยยย”  โทโมฮิสะทั้งร้องทั้งดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน            ดีนะ...ที่ในห้องนี้มีเขากับโทโมฮิสะแค่สองคน ไม่งั้นพรุ่งนี้เป็นข่าวดังไปทั่วโรงเรียนแน่ๆ

      “ดีใจจังเลยนะ อย่างน้อยนายก็เป็นห่วงฉันด้วย”  จินว่าพลางฝังจมูกลงกับซอกคอขาวๆ ของโทโมฮิสะ ร่างบางหายใจขัด แก้มป่องกลายเป็นสีชมพูอย่างช่วยไม่ได้

      “นายป่วยจริงหรือแกล้งป่วยกันแน่เนี่ย”  โทโมฮิสะหันมาถาม จนปลายจมูกแทบจะชนกับจิน จึงรีบหันกลับไป

      “ป่วยจริงๆ นะสิ วันนี้มีเรียนพละ วิ่งรอบที่สองเอง เป็นลมเฉยเลย”

      “เหอะ น่าสมเพชจริงๆ ตัวก็ใหญ่ ใจเสาะชะมัด” 

      “ความผิดนายนั่นแหละ”  จินโบ้ย โดยที่ยังคงกอดร่างบางอยู่อย่างนั้น

      “ความผิดฉัน ??” 

      “ก็นายทำให้ฉันอารมณ์ค้างนี่นา มันก็เลยนอนไม่หลับทั้งคืนเลย”  จินว่าพลางขโมยหอมแก้มร่างบาง

      “นั่นมันเพราะนายบ้าต่างหาก”

      “ฉันบ้าหรอ... ตอนนี้นายก็โดนคนบ้ากอดโดยที่ไม่ขัดขืนล่ะน่า”  จินว่าพลางหัวเราะเสียงดัง

      “บ้า!!~ 

      พูดได้แค่นั้นเสียงทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปในลำคอ พร้อมๆ กับลมหายใจที่ถูกช่วงชิงไปโดยร่างสูง จินประคองท้ายทอยโทโมฮิสะให้รับจูบอย่างอ่อนโยน ก่อนจะผลักร่างบางลงกับเตียงโดยที่ไม่ได้ละริมฝีปากออกจากกันและกัน

      “จิน มันจะเข้าเรียนแล้ว”

      “อีกนิดหนึ่งนะ ไม่ทำอย่างว่าก็ได้ แค่จูบชดเชยเมื่อคืนเอง”  พูดจบจินก็ก้มลงจูบอย่างเร้าร้อนดูดดื่มให้คุ้มค่ากับโอกาสที่พลาดไปเมื่อคืน.

      ...แต่ว่านะ....ถ้าไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า...ยังไงมันก็ไม่คุ้มนะ ว่ามั้ย >//<

      ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาใครคนหนึ่งโดยตลอด

       

      ..................................................................................

      บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ไร้เสียงพูดคุย มีเพียงเสียงตะเกียบกระทบถ้วยชาม และมีเสียงถอนหายใจเป็นครั้งคราว มิจิรุมองหน้าโทโมฮิสะกับจินสลับกันอย่างงงงง

      “จินคุงกับโทโมะจังโกรธกันหรอครับ”  คำถามของน้องคนเล็กฉุดจินและโทโมฮิสะให้หลุดจากห้วงความคิดของตน

      “เปล่านี่จ๊ะ ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ”  โทโมฮิสะถามพลางหน้าแดง (คิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย ...โทโมะจัง >//<)

      “ก็ตั้งแต่เย็น ยังไม่เห็นโทโมะจังพูดกับจินคุงเลยนี่ครับ”  มิจิรุตั้งข้อสังเกต  จินมองหน้าโทโมฮิสะก่อนจะยิ้มกว้างให้น้องชาย

      “โทโมะจังคงกำลังใช้ความคิดอยู่น่ะครับ คงคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรให้มิจจี้จังกินดีน๊า....เอานี่ กินผักด้วย จะได้โตเร็วๆ”

      “ครับ”  มิจิรุพยักหน้ารับก่อนจะกลับไปสนใจกับอาหารตรงหน้า โดยมีจินพูดคุยเป็นเพื่อนเล่นทั้งที่สายตาจินนั้นเหลือบมองโทโมฮิสะที่นั่งหน้าแดงอยู่แทบจะตลอดเวลา

      หลังอาหารมื้อนั้น โทโมฮิสะก็พามิจิรุเข้านอน  ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย มิจิรุคงหลับไปแล้วในตอนนี้ โทโมฮิสะนอนตาค้างมองเพดานพร้อมกับความคิดมากมายในหัว  ทั้งเขินอาย ทั้งสับสน ใครจะไปคิดว่าจะทำเรื่องแบบนี้กับพี่ชายตัวเองกันเล่า ...ร่างบางพลิกไปพลิกมา ก่อนจะหัวเราะคิกคักกับหมอน

      ....อ๊ะ !  เดี๋ยวสิ...ฉันเป็นผู้ชายนะเฟ้ยยย ไอ้หมูจิน.....

       

       

      ภาพคนสองคนซ้อนท้ายจักรยานกันเข้าโรงเรียน ดูจะเป็นภาพที่ชินตาสำหรับคนทั่วไป แต่ต่างกันอยู่หน่อยตรงที่วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้เถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนทุกวัน  จินยังปั่นจักรยานช้ากว่าทุกวัน แต่ก็ไม่ได้รับการทักท้วงจากร่างบางที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ราวกับว่าเขาต้องการยืดระยะทางออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

      “นี่”  จินเริ่มบทสนทนาขึ้นก่อน

      “อะไร”

      “ฉันจูบถูกต่อมเป็นใบ้นายรึไง” 

      พลั่กกกก....

      “โอ๊ยยย เจ็บนะ พีจัง นายเนี่ยมือหนักไม่เปลี่ยนเลย แบบนี้ฉันไม่กล้านอกใจเลยรู้มั้ย”  จินพูดติดตลก

      รถจักรยานถูกจอดไว้ที่ลานจอดรถหลังโรงเรียน คนสองคนเดินเคียงข้างกันมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน จินทำท่าจะรั้งเอวบางเข้าไปกอดไว้

      “หยุดเลยจิน นี่มันโรงเรียนนะ”

      “เอ๋ พูดแบบนี้ก็หมายความว่าถ้าเป็นที่อื่น พีจังก็ไม่เกี่ยงใช่ม้า!!~ จินว่าพลางเปลี่ยนเป้าหมายมาที่แก้มป่องๆ แทน ร่างสูงขโมยหอมแก้มอย่างรวดเร็ว

      “บ้าจิน ถ้านายทำอย่างนี้อีก ฉันเตะนายจริงๆแน่”  โทโมฮิสะยืนโกรธกระฟัดกระเฟียดโดยมีจินทำท่าลิงโลดอยู่ไม่ห่าง

      “เล่นอะไรกันน่ะ สองคนพี่น้อง ไม่เกินไปหน่อยหรอ” 

      “เคโกะ / รุ่นพี่โซดะ” 

      “ฉันเห็นจินปั่นจักรยานเข้ามาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่ถึงห้องสักที ก็เลยลงมาดูน่ะ ไม่คิดว่า...”

      “อ๊ะ! มันไม่มีอะไรนะครับ รุ่นพี่” โทโมฮิสะปฏิเสธพัลวัน ...ลืมไปเลยนะ ว่ารับปากจะช่วยเรื่องรุ่นพี่โซดะกับจิน...ถึงตอนนี้เริ่มไม่อยากช่วยซะแล้วด้วยสิ

      “มีอะไรหรอ เคโกะ”

      “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย...ตามลำพัง”  เคโกะจงใจเน้นย้ำประโยคสุดท้าย โทโมฮิสะจึงโค้งเป็นการล่ำลาก่อนจะเดินจากไป

      “มีอะไรก็ว่ามา”

      “นายคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฉันบอกคุณอาชิซึนะว่าเห็นลูกชายเขาจูบกับพี่ชายตัวเอง  เรื่องในห้องพยาบาลวันนั้น...ฉันเห็นนะ”

      “เคโกะ...”

      “จริงๆ ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่นายมันใจร้ายเกินไป อคานิชิ  กี่ครั้งแล้วที่นายปฏิเสธฉัน”

      “เคโกะ เธอนี่มัน...”  จินได้แต่สกัดกั้นอารมณ์โกรธ

      “อย่างมาก คุณอาก็แค่อาจจะเอาโทโมฮิสะกลับไปอยู่โอซาก้าด้วย แค่นั้นสินะ ...ความสัมพันธ์ของพวกนายนี่ มันซับซ้อนดีเหลือเกิน”  เคโกะยิ้มหยันอย่างถือไพ่เหนือกว่า....

      “เธอต้องการอะไรกันแน่”  จินถาม

      “คบกับฉัน... ถ้าเธอยังอยากมีโทโมฮิสะอยู่เคียงข้างเหมือนทุกวันที่ผ่านมา แล้วฉันจะคิดว่าเรื่องในห้องพยาบาลเป็นเพียงฝันประหลาดของฉันเอง”

      “....”  จินเม้มปากแน่น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่มีทางเลือก

       

       

       

       

       

      จินและโทโมฮิสะนั่งอยู่กลางสวนสาธารณะดูมิจิรุที่นั่งเล่นก่อทรายอย่างเงียบๆ โทโมฮิสะหันมามองหน้าจินอย่างสงสัย

      “จิน นายเป็นอะไรรึเปล่า ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียน นายยังไม่พูดกับฉันสักคำเลยนะ”

      “พีจัง...”

      “หืม..”

      “เปล่า”

      “เปล่าอะไร มีอะไรก็เล่ามาเถอะ ฉัน...เชื่อถือไม่ได้รึไง ไม่เอาไปล้อที่โรงเรียนหรอก”

      “นายมีความสุขรึเปล่า”

      “เห...จู่ๆ ก็ถามแบบนี้..”  ร่างบางมองหน้าจินยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กชายวัยสี่ขวบที่ใช้จอบพลาสติกสีแดงอันเล็ก ตักทรายใส่รถบรรทุก ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสดใส

      “ฉันน่ะ มีความสุขมากๆ เลยที่ได้อยู่กับมิจจี้จัง ...แล้วก็ได้อยู่ข้างๆ จินแบบนี้น่ะ”  ประโยคสุดท้ายโทโมฮิสะหันมามองสบตาจินอย่างมีความหมาย จินคว้าร่างบางมากอด

      ....แล้วแบบนี้ ฉันจะทำลายความสุขของนาย ด้วยความรู้สึกของฉันเองได้ยังไง.....

      “จินคุงกับโทโมะจัง ...กอดผมด้วยสิครับ”   มิจิรุละจากกองทรายวิ่งมาหาพี่ชายทั้งสอง โทโมฮิสะหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของน้องชายตัวเอง มือเรียวบรรจงปัดเม็ดทรายที่ติดที่แก้มเด็กชายอย่างแผ่วเบาก่อนจะหอมแก้มนิ่มๆ นั้น แล้วคว้าเข้ามากอด จินกอดทับอ้อมกอดของโทโมฮิสะ

      ....ครอบครัวที่มีความสุขของเรา...จะให้พังลงเพราะความรู้สึกของฉันคนเดียวได้ยังไง....

       

       

      ก๊อก ก๊อก...

      โทโมฮิสะละสายตาจากหนังสือที่อ่าน ก่อนจะลุกออกไปเปิดประตู ซึ่งจินยืนรออยู่แล้ว

      “มีอะไรหรอ”

      “ฉันมาให้คำตอบ”

      “คำตอบอะไร”

      “ที่นายเคยถามเรื่องคนที่ฉันจะเลือก”

      “.....”  โทโมฮิสะทำหน้าคล้ายจำได้...จะว่าไปก็ลืมไปเลยตั้งแต่โดนจูบคราวก่อน

      “บางที...ฉันอาจจะมีคนที่ชอบอยู่จริงๆ ก็ได้”

      “....”  โทโมฮิสะอึ้ง

      “ฉันเห็นเขามานานมากแล้วล่ะ แต่ฉันก็ยังไม่รู้ใจตัวเองจนกระทั่งเขามาบอกฉันวันนี้”

      “ใครหรอจิน...รุ่นพี่โซดะงั้นหรอ”  โทโมฮิสะไม่สามารถปกปิดความน้อยใจที่เล็ดลอดผ่านน้ำเสียงสั่นเครือของเขาได้เลย   อะไรกันทั้งที่วันนี้เพิ่งกอดกันมาแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้....

      “อืมม”

      “.....”

      “เมื่อก่อนตอนเจอกันครั้งแรก ฉันคิดมาตลอดว่านายเป็นผู้หญิง มันก็เลยทำให้ฉันเผลอคิดไปเองว่าฉันชอบนาย ทั้งที่ความจริงมันอาจจะไม่ใช่”  จินพูดโดยไม่ได้สบตาโทโมฮิสะ จึงไม่ได้เห็นความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในสายตา

      “แล้วเรื่องวันนี้ ...มันอะไรกันล่ะ”

      “...” 

      “มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบล่ะมั้ง ก็นายมันสวยนี่นา บางทีฉันก็เคลิ้มๆ ไปบ้าง”   จินพูดติดตลกทั้งที่ยังจ้องหน้าสวยของร่างบางไม่วางตา

      “เคลิ้มๆ ไปบ้าง??”  โทโมฮิสะถามเสียงเบา

      “อืมม นายเองก็ไม่ต้องคิดมากนะ แค่จูบครั้งสองครั้ง ไม่สึกหรอหรอกใช่มั้ย  อีกอย่างนายก็ชอบบอกว่า ...ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันเป็นผู้ชายนะ....ฉันก็เลยคิดว่ามันน่าจะดีกว่า ถ้าเรากลับมาเป็นแค่พี่น้องกันเหมือนเดิม”  จินว่าพลางขยี้ผมร่างบางอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอด โทโมฮิสะผลักร่างสูงให้พ้นจากตัว ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าจินอย่างไม่ใยดี

      หลังประตูบานนั้น คนสองคนนั่งหันหลังพิงกัน ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีไม่ต่างกัน แต่เหตุผลที่ต้องตอบ ก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้อีกฝ่ายฟังได้

      .....นายจะรู้มั้ยว่าฉันต้องทำอะไรที่ตรงข้ามกับความรู้สึก... เพราะฉันไม่อยากเสียนายไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม...

       

      ....................................................................................

      “นี่ ได้ข่าวว่ารุ่นพี่อคานิชิคบกับรุ่นพี่โซดะแล้วหรอ”  ยูกิถามอย่างตกใจ เรียวเองก็ตกใจไม่แพ้กัน โทโมฮิสะได้แต่พยักหน้าเนือยๆ

      “ทำไมเป็นงั้นล่ะ ไหนว่ายัยเคโกะนั่นตามตื้อมาตั้งแต่ม.ต้น เพิ่งจะมาใจอ่อนอะไรกันตอนนี้เนี่ย” เรียวพูดอย่างหัวเสีย

      “ก็อาจจะใจอ่อนแล้วก็ได้มั้ง เคโกะซังเค้าก็เป็นคนสวย น่ารักนี่นา ”  โทโมฮิสะพูดอย่างชื่นชมแต่แววตาไม่ได้ยินดีแม้แต่น้อย

      “นายเป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย ทำตัวยังกะซากศพเดินได้ยังงั้นแหละ”  เรียวหันมาแขวะเพื่อน

      “นั่นสิ คนมีแฟนเค้าทำหน้ายังงี้กันหรอ สดชื่นหน่อย เดี๋ยวรุ่นพี่อิคุตะก็มาแล้ว...แปลกดีนะ พี่น้องสองคนนี้มีแฟนพร้อมกันเลย” ยูกิตั้งข้อสังเกต

                      “......”  โทโมฮิสะยิ้มฝืนๆ ให้ยูกิ

                      “ตอนแรกฉันแทบอยากจะกรี๊ดเลย ที่โทโมฮิสะจะคบรุ่นพี่อิคุตะน่ะ...ก็นะ เสียดายทั้งสองคน แต่ความรักมันก็ชนะทุกสิ่งใช่มั้ยล่ะ” ยูกิว่า

                      “นายชอบรุ่นพี่อิคุตะจริงๆ น่ะหรอ”  เรียวถาม

                      “ถ้าไม่มีเขา ก็ไม่มีฉันวันนี้เหมือนกัน”  โทโมฮิสะเลี่ยงที่จะตอบ

                      “แล้วถ้าเขาไม่ใช่....” 

                      “พีจัง เราไปทานข้าวกลางวันกันเถอะครับ”  ประโยคของเรียวถูกขัดขึ้นโดยโทมะ โทโมฮิสะหันมาบอกลาเพื่อนสองคนก่อนจะออกไปกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก

                      สามอาทิตย์แล้วกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ทำไมไม่ได้รู้สึกว่ามันมีความสุขเลยนะ หรือว่ามันจะเป็นเพราะความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกับความรักมันเป็นคนละส่วนกัน.... ไม่ใช่ว่าแค่อยากมีใครสักคน...แต่ยิ่งคบก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีใครแทนที่จินได้เลย

                      “รุ่นพี่เลิกเรียกผมว่าพีจังเถอะครับ กลับไปเรียกผมว่าโทโมะจังเหมือนเดิมดีกว่า”

                      “ทำไมล่ะ”

                      “ผม...ไม่ชอบให้ใครเรียกว่าพีจัง”  โทโมฮิสะพูดพลางคิดถึงท่าทางของจิน น้ำเสียงของจินเวลาล้อเลียนเขา มันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวด

                      “เพราะจินเรียกได้คนเดียวสินะ”

                      “รุ่นพี่อิคุตะ มันไม่ใช่...”

                      “แต่ฉันไม่สนหรอกนะ สักวันฉันจะรักนายให้ได้มากพอที่จะลืมคนๆ นั้นให้ได้”

                      “รุ่นพี่...”

       

      ................................................................................

                      เรียวนั่งชะเง้อมองคนผ่านไปผ่านมาตรงหน้าหอประชุม เป้าหมายของเขามีเพียงคนเดียวเท่านั้น คือพี่ชายของเพื่อนสนิท ไม่นานร่างสูงก็เข้ามาในสายตาพร้อมกับแฟนสาว โซดะ เคโกะ

                      “ขอโทษนะครับ ขอคุยอะไรกับรุ่นพี่อคานิชิเป็นการส่วนตัวสักครู่นะครับ”  เรียวพูดขอร้องแต่แววตาแกมบังคับทำให้เคโกะต้องหลีกทางให้อย่างไม่พอใจนัก

                      “มีอะไรหรอ เรียวคุง”  จินทำหน้าตาหรอหรา

                      “รุ่นพี่ทำอะไรอยู่ครับ คิดว่าคบกับเคโกะซังแล้วอะไรอะไรมันจะดีขึ้นหรอ”  เรียวจังรัวใส่เป็นชุด

                      “นายเข้าใจอะไรบ้างเรียว นายไม่เข้าใจอะไรเลย”

                      “ผมไม่เข้าใจตั้งแต่เหตุการณ์ที่โทโมะจังตกทะเลแล้วครับ ทั้งที่รุ่นพี่เป็นคนช่วย แต่ทำไมถึงให้รุ่นพี่อิคุตะได้หน้าอยู่คนเดียว คราวนี้ก็เหมือนกัน... ทำท่าเหมือนจะรักโทโมะจังแต่สุดท้ายก็เลือกเคโกะซัง รุ่นพี่โลเลไปรึเปล่า”

                      “ ถ้าเก็บเขาไว้ในฐานะคนรักไม่ได้ มันก็ดีกว่าถ้าจะเก็บเขาไว้ที่เดิม โดยที่เรายังอยู่ข้างๆ ทุกวันนะ”

                      “ผมไม่คิดว่าโทโมะจังคิดอย่างนั้นนะ เจ้านั่นน่ะแสร้งยิ้มร่าเริงเวลาอยู่ต่อหน้ามิจจี้จังเท่านั้นแหละ กับพวกผมน่ะ มันยังกับซากศพเดินได้”  เรียวว่า

      “แล้วที่รุ่นพี่บอกว่าอยู่ในฐานะคนรักไม่ได้เนี่ย มันเห็นแก่ตัวมากเลยนะครับ เจ้านั่นน่ะ พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างรุ่นพี่ โดยไม่สนใจว่าใครจะว่ามันเป็นโฮโมด้วยซ้ำ”

      “มันไม่ใช่เรื่องโฮโมรึเปล่า แต่...”

      “คุยกันนานไปรึเปล่าจิน เรามีเรียนตอนบ่ายนะ”  เสียงเคโกะแทรกขึ้นมาทำให้บทสนทนาจบลงอย่างช่วยไม่ได้

      “ฉันไปก่อนนะเรียว ดูแลพีจังดีดีล่ะ”  จินพูดก่อนจะเดินจากไป

      “ผมไม่รับฝากหรอก เพราะผมดูแลเขาได้แต่ตัวเท่านั้น สิ่งที่บอบช้ำมากที่สุด คือหัวใจเขาต่างหาก”  เรียวตะโกนไล่หลัง

      “ นายยุ่งเรื่องนี้เกินไปรึเปล่า ได้ประโยชน์อะไรกับเรื่องนี้บ้าง อยู่เฉยๆ ดีกว่านะ นิชิกิโดคุง”  เคโกะพูดอย่างอวดดีก่อนจะเดินจากไป

      “เพราะฉันเป็นเพื่อนของโทโมฮิสะน่ะสิ ยัยแม่มดเอ๊ยยย”

       

      ......................................................................................

      ณ สวนสนุก

      “โทโมะจังเป็นอะไรไป ฉันชวนนายมาเพื่อให้นายรู้สึกดีขึ้นนะ ไม่ใช่ให้นายมาทำตัวซักกะตายแบบนี้อ่า”  เรียวพูดขึ้นขณะลากเพื่อนตัวดีให้เดินไปข้างๆ

      “ก็มันไม่รู้สึกสนุก จะให้ยิ้มหัวเราะได้ยังไงกันเล่า”

      “ก็คิดถึงเวลาที่ตัวเองมีความสุขสิ จะได้ยิ้มได้” 

      ....ความสุขหรอ....จิน...มิจจี้จัง....รถจักรยาน....บ้าน ....โต๊ะกินข้าว....อ้อมกอด...รอยจูบ....

      แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหล นี่เรียกว่าความสุขได้จริงๆ รึเปล่านะ

      “เฮ้ยยยย  ทำไมทำหน้ายังงั้นล่ะ เดี๋ยวใครเค้าก็หาว่าฉันหลอกนายมาหรอก”

      “ฉันไม่เป็นไร อ๊ะ รุ่นพี่โทรมาน่ะ แปบบนะ”  โทโมฮิสะว่าพลางขอตัวไปรับโทรศัพท์

      “คบกันยังไงเนี่ย ยังเรียกกันว่า รุ่นพี่ รุ่นพี่ อยู่อีก”  เรียวแขวะ

      “เรียว เดี๋ยวรุ่นพี่ตามมานะ”  โทโมฮิสะว่าพลางยิ้มแหย

      “ก็ดี ถ้าเจ้านั่นมา ฉันจะได้กลับ”  เรียวทำท่าจะเดินกลับแต่ก็ถูกเพื่อนสนิทรั้งไว้

      “อยู่ด้วยกันก่อนเถอะ ฉันไม่อยากอยู่กับรุ่นพี่สองคน”

      ...เอาเข้าไป...คนเป็นแฟนกัน เค้าพูดกันแบบนี้หรอเนี่ย....

      หลังจากที่โทมะโผล่มาบรรยากาศก็เริ่มมาคุอีกครั้ง เรียวแทบจะแยกตัวออกไปถ้าไม่มีโทโมฮิสะค่อยรั้งเพื่อนสนิทไว้ สามคนพากันเล่นเครื่องเล่น จนเริ่มรู้สึกเหนื่อย ร่างบางจึงเสนอไอเดีย

      “ไปปั่นเรือเล่นกันเถอะ”  โทโมฮิสะชี้มือไปที่เรือถีบที่จอดอยู่ตรงท่าน้ำ

      “แต่มันนั่งได้สองคนเองนะ”  โทมะว่าพลางมองหน้าสองคนที่เหลือ

      “ฉันรออยู่ตรงนี้ก็ได้ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร” เรียวว่า

      “ไม่เอาน่า”  โทโมฮิสะว่าพลางทำท่าฉุดกระชากลากดึงเรียว แต่สำหรับเรียวแล้ว ถ้าไม่ ก็คือไม่....ร่างบางจึงถอดใจแล้วกลับลงเรือไปกับโทมะ

      ลมอ่อนๆ พัดมากระทบใบหน้า เรียวมองภาพเรือลำน้อยที่ลอยไปบนผืนน้ำที่เวลานี้ระยิบระยับเพราะต้องแสงแดด  เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น แต่แล้วเสียงร้องตกใจก็ดังมาจากสระน้ำเบื้องหน้า พร้อมกับภาพที่ปรากฏในสายตา ภาพเด็กน้อยกำลังผลุบโผล่อยู่กลางบึง แต่ดูเหมือนคนที่จะตกใจกว่าเรียวก็คือคนที่อยู่ใกล้เหตุการณ์มากกว่า โทโมฮิสะเบิกตากว้าง อยากจะลงไปช่วยเด็กน้อยที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมิจิรุ แต่ก็ไม่กล้าเพราะว่ายน้ำไม่เป็น

      “รุ่นพี่ครับ ช่วยเด็กคนนั้นด้วยครับ”  โทโมฮิสะว่าพลางส่งสายตาวิงวอนมาที่โทมะ

      “เอ่อ....”

      “เร็วเข้าสิครับ น้องเค้าจะไม่ไหวแล้ว”

      ตู้มมมมม.....

      ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจเรียวกระตุกวูบ

      “เจ้าบ้าเอ๊ย ทำอะไรของเขากันนะ”

      ตู้มมมม.....

      เรียวกระโดนตามลงสระไปทั้งที่ยังไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ

       

      ....................................................................................

      โทมะค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นทั้งที่ร่างกายยังคงหนาวสะท้าน   ภาพหน้าใครบางคนใกล้จนทำให้เขาหายใจขัด เรียวค่อยๆ ละใบหน้าออกจากโทมะ  เจ้านี่จมดิ่งลงสู่ก้นสระก่อนเด็กน้อยคนนั้นซะอีก

      “ฟื้นแล้วหรอ นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกรึไง”

      “ฉัน... โทโมะจังล่ะ”  โทมะเรียกหาโทโมฮิสะ

      “ผมอยู่นี่”

      “โทโมะจัง”

      “รุ่นพี่ ...ว่ายน้ำไม่เป็นหรอกหรอครับ”  โทโมฮิสะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ นี่เขาเกือบทำให้คนๆ หนึ่งตายเพราะความไม่รู้แล้วหรอเนี่ย...แต่โทมะกลับตีความใบหน้านั้นผิด

      “ฉันขอโทษ...ที่ฉันโกหกเธอมาตลอด...  คนที่ช่วยเธอที่ทะเลวันนั้น..ไม่ใช่ฉันหรอก”  เหมือนเป็นความผิดที่ติดค้างในใจมาตลอด วันนั้นเขาแค่เป็นคนรับโทโมฮิสะมาจากอ้อมกอดของจินเท่านั้นเอง

      “เห็นแค่นี้โทโมะจังก็รู้หรอกน่า น้ำทะเลไหลแรงกว่านี้ตั้งเยอะ คนว่ายน้ำไม่แข็งอย่างนาย จะมีปัญญาช่วยเขาได้ยังไง”

      “เรียว...พอเถอะ แล้วใครเป็นคนช่วยผมกันล่ะ”

      “อคานิชิ จิน หลังจากมันช่วยโทโมะจังมาจากทะเล มันก็โดนลากไปทำแผล เพราะถูกหินบาดขายาวหลายเซนเลย ผมก็เลยรับโทโมะจังต่อจากมัน”

      หัวใจโทโมฮิสะกระดุกวูบ ภาพรอยแผลเป็นน่าเกลียดที่จินพยายามปกปิดโผล่เข้ามาในความคิด

      “ทำไมจินถึงได้ปิดผมล่ะ”

      “เพราะเขารู้ว่าฉันรักนายน่ะสิ”  โทมะว่า โทโมฮิสะมองหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักด้วยความลางเลือน หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม

      “ขอโทษนะครับ รุ่นพี่ ....ผมรักรุ่นพี่ไม่ได้อีกแล้ว”  .... ทั้งที่พยายามบอกตัวเองมาตลอด... แต่ในใจก็ยังมีจินไม่เปลี่ยนแปลง

      พูดจบโทโมฮิสะวิ่งจากไป ทิ้งให้โทมะนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยมีเรียวนั่งอยู่ข้างๆ

       

      ...................................................................

      “จิน นายน่ะ เหมือนท่อนไม้เดินได้เลยรู้ตัวรึเปล่า”  เคโกะถามระหว่างทางที่เดินกลับมาจากการเดท

      “อืมม เธอก็ได้ในส่วนที่เธอต้องการแล้วไม่ใช่หรอ ส่วนเรื่องความรู้สึกน่ะ มันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ”  จินพูดโดยไม่ได้ปรายตามองเคโกะแม้แต่น้อย

      “ทำไมฉันต้องแพ้ด้วยนะ”

      “....”  จินหันมามองอย่างไม่เข้าใจ

      “ก็ฉันน่ะ....คิดว่ายังไงซะ ความเป็นผู้หญิงของฉัน จะชนะใจจินได้ในสักวัน แต่เท่าที่ฉันเห็นเนี่ย ไม่ว่าเมื่อไหร่ ในสายตานายก็มีแต่โทโมะจังสินะ”  เคโกะหันมายิ้มอ่อนโยน เป็นรอยยิ้มที่จินไม่เคยเห็นตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ห้องพยาบาล

      “ฉันรักพีจัง เพราะพีจังเป็นพีจัง ไม่ได้รักที่อย่างอื่น”

      “เจ็บปวดจังนะ...จินพูดแบบนี้ไม่รู้กี่รอบแล้ว เข้าใจแล้วล่ะ ฉันเข้าใจดีแล้วล่ะ”

      “....”

      “เพราะงั้นก็เลยคิดว่า พอดีกว่าเนอะ...ฉันน่ะ...จะพอแค่นี้ล่ะ จะคืนมือเย็นอุ่นๆ คู่นี้คืนให้โทโมะจังดีกว่า”

      “เคโกะ อะไรของเธอ”  จินมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ ตอนที่เข้ามาก็ขู่บังคับ บทจะปล่อย ก็ปล่อยกันไปง่ายดายแบบนี้น่ะหรอ

      “ฉันไม่ได้ยอมแพ้โทโมฮิสะนะ แต่ฉันยอมแพ้หัวใจที่รักโทโมฮิสะของนาย เพราะงั้นก็ช่วยแสดงให้ฉันเห็นด้วยล่ะว่า ความรักของพวกนาย จะเป็นรักที่มั่นคงตลอดไป”  เคโกะว่า

      “แล้วเรื่องแม่?”

      “เรื่องคุณอาชิซึนะ...ฉัน...ไม่ได้เป็นเพื่อนที่เลวร้ายแบบนั้นหรอก อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกนาย แต่บอกไว้ก่อนนะว่า...ถ้านายเลิกรักโทโมฮิสะเมื่อไหร่ ...คนต่อไป ต้องเป็นเคโกะคนนี้เท่านั้นนะ”  เคโกะชี้มือมาที่ตัวเองพร้อมกับยิ้มหวานให้จิน จินคว้าร่างบางตรงหน้ามากอด ความรู้สึกอิสระมาเยือนหัวใจ ความสุขเต็มเปี่ยมเต้นเป็นริ้วๆ ในหัวใจ

      .....................................................................................................

      จินแวะรับมิจิรุที่เนอร์สเซอรี่ ก่อนจะเดินจูงมือร้องเพลงกันอย่างมีความสุข แต่เมื่อถึงบ้านก็พบว่าประตูบ้านเปิดอยู่แล้ว จินแปลกใจเล็กน้อย เพราะโทโมฮิสะบอกไว้ว่าอาจจะกลับค่ำ แต่นี่มันยังไม่หกโมงเย็นเลย

      “กลับมาแล้วครับ” สองเสียงของจินกับมิจิรุประสานกัน

      “.....”

      “ไหนจินคุงบอกว่าโทโมะจังกลับมาแล้วไงฮะ”  มิจิรุถาม

      “อืมม ไม่รู้สิ อยู่ในห้องน้ำล่ะมั้ง มิจจี้จังก็ล้างมือ ล้างเท้าด้วยล่ะ”

      “ครับ เดี๋ยวผมจะระบายสีด้วย วันนี้คุณครูให้วาดวงกลม”  พูดจบ เด็กน้อยก็วิ่งหายไปบนชั้นบน

      จินเดินหาร่างบางในที่ที่คาดว่าจะอยู่ ห้องครัวก็ไม่มี ห้องน้ำก็ไม่มี ....หายไปไหนนะ

                      “จิน...” จินหันมาตามเสียงเรียก ร่างบางโผเข้ากอดจิน จนจินถอยไปติดกำแพง

                      “พีจัง...อะไร”

                      “ไม่ให้ใครแล้วนะ ...ไม่ว่าใคร ฉันก็จะไม่ยกจินให้ทั้งนั้นนะ”

                      “....”  จินได้แต่ยืนอึ้ง

                      “นายเป็นคนช่วยฉัน ทำไมนายไม่บอกฉัน”

                      “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดเรื่องนี้ตอนนี้นะ โทมะรักนาย พวกนายก็คบกันอยู่ไม่ใช่หรอ”

                      “ไม่...ฉันไม่ได้รักเขา ฉันเชื่อหัวใจตัวเอง ฉันอยากทำตามหัวใจตัวเอง แล้วนายล่ะ”

                      “....”

                      “นายเห็นเพื่อนดีกว่าคนที่รักนายรึเปล่า”

                      “....”

                      ไม่มีคำพูดใดๆ หากแต่จินเชยคางร่างบางให้เงยหน้าขึ้นสบสายตากับเขา ก่อนจะบรรจงประทับริมฝีปากกับริมฝีปากอวบอิ่มของร่างบางที่เผยอรับอย่างเต็มใจ สองมือของโทโมฮิสะคล้องคอจินไว้ราวกับจะไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปไหนอีก มือหนึ่งของจินรั้งท้ายทอยร่างบางไว้ให้รับจูบได้ถนัด ในขณะที่อีกมือปลดกระดุมอย่างชำนาญ เสื้อเชิ้ตที่โทโมฮิสะใส่อยู่หลุดไปกองกับพื้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จินปะป่ายมือไปบนอกขาวเนียนเหมือนสำรวจ ก่อนจะละริมฝีปากลากผ่านซอกคอขาว แล้วจุมพิตอกเนียนอย่างหลงใหล ร่างบางร้องครางอย่างเสียวซ่าน จินรีบประกบปากโทโมฮิสะทันที

                      “อย่าร้องดังสิ เดี๋ยวมิจจี้จังก็ได้ยินหรอก”  ว่าพลางใช้ลิ้นสำรวจริมฝีปากก่อนจะไล้เข้าไปในโพรงปากที่หอมหวาน มือใหญ่ยังคงสำรวจทุกส่วนของร่างกาย จนกระทั่งถึงขอบเข็มขัด จินสัมผัสบริเวณไวต่อความรู้สึกของโทโมฮิสะทำให้รู้ว่าเวลานี้มันพร้อมเพียงใด จินทำท่าจะล่วงล้ำเข้าไปในกางเกง

                      “จิน...อย่า ถ้าทำตรงนี้ ฉันร้องแน่ๆ”  โทโมฮิสะเสียงกระเซ่า

                      “ได้ ทนหน่อยละกันนะ”  แล้วจินก็อุ้มโทโมฮิสะเข้าห้องไป

                      ......................ที่เหลือเป็นอย่างไรก็จิ้นกันเอาเองเหมือนเคย....เพราะคนแต่งบรรยายฉากเรทไม่เก่งเน้อออ....

       

       

      บทส่งท้าย

                      มิจิรุยืนมองหน้าห้องโทโมฮิสะอย่างไม่เข้าใจ ในมือถือเสื้อเชิ้ตของโทโมฮิสะที่ตกอยู่กับพื้น เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของเตียงดังขึ้นเป็นจังหวะ มิจิรุทำหน้างงงง ก่อนจะแขวนเสื้อสีขาวไว้กับประตู

                      “โทโมะจังนอนดิ้นจังเลยนะ จินคุงหายไปไหนเนี่ย ผมหิวแล้วนะ”

       

       

      วันต่อมา....

                      “ห๋า! นายกับรุ่นพี่อิคุตะคบกัน”  โทโมฮิสะกับยูกิเบิกตากว้าง

                      “อืมม ทำไมมีปัญหาหรอ”  เรียวถามอย่างไม่สะทกสะท้าน

                      “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นกัดกันจะตายไป” ยูกิว่า โทโมฮิสะพยักหน้าหงึกหงัก

                      “ก็ตั้งแต่ล่องเรือปีที่แล้วนั่นแหละ จะถามอะไรหนักหนาเนี่ย”  เรียวเขินพลางถูจมูกกลบเกลื่อน

                      “นี่มันอะไรกันเนี่ย...คนหล่อๆ รอบตัวฉัน ...คบกันเองแบบนี้แล้วฉันล่ะ”  ยูกิว่าพลางทำท่าเสียใจเกินจริง

                      “แล้วนายกับจินล่ะ”

                      “โอเคแล้วล่ะ ยิ่งรู้เรื่องรุ่นพี่โซดะ ยิ่งรักจินมากขึ้นนะ”  โทโมฮิสะว่าพลางทำตาเยิ้ม

                      “ก็ดีแล้วล่ะ รักมีอุปสรรคบ้าง จะได้มีสีสัน”

                      “อืมมม”

                      จากนี้ไปก็จะได้มีความสุขซะทีละนะ ....

       

       

      ปล. จากคนเขียน ใครแต่งฉากเลิฟซีนเก่งๆ สอนมั่งจิ ...เขียนทีไร ขำตัวเองทุกทีเลยง่า

                     

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×